หัวข้อวิทยานิพนธ์ | การศึกษาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของการเปลี่ยนแปลง ของลวดนิกเกิลไทเทเนียมที่ผ่านการอบชุบด้วยความ ร้อน |
ชื่อนิสิต | นายครรชนะ จรัณยานนท์ |
อาจารย์ที่ปรึกษา | ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ วัชระ เพชรคุปต์ |
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม | อาจารย์ ดร. สุมาลี วงศ์จันทร์ |
ภาควิชา | ทันตกรรมจัดฟัน |
ปีการศึกษา | 2538 |
วัตถุประสงค์ | ์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของอุณหภูมิของการเปลี่ยนเฟสของลวดนิกเกิลไทเทเนียม
ที่ผ่านการอบชุบด้วยความร้อนสองขั้นตอนและผ่านการอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนเดียว และศึกษาความสัมพันธ์ของอุณหภุมิการอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนที่สองกับอุณหภูมิของ การเปลี่ยนเฟสของลวดโลหะนิกเกิลไทเทเนียมหลังจากอบชุบด้วยความร้อน ซึ่งอุณหภูมิของ การเปลี่ยนเฟสประกอบด้วย อุณหภูมิที่เริ่มเปลี่ยนเฟสเป็นเฟสมาร์เทนไซด์, อุณหภูมิที่การเปลี่ยนเฟสเป้นเฟสมาร์เทนไซด์สิ้นสุด, อุณภูมิที่เริ่มเปลี่ยนเฟสเป็นเฟสออสเทไนท์ และอุณหภูมิที่การเปลี่ยนเฟสเป็นเฟสออสเทไนท์สิ้นสุด |
วิธีดำเนินงานวิจัย | ชิ้นตัวอย่างคือลวดโลหะนิกเกิลไทเทเนียม
Nitinol ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.016 นิ้ว ตัดให้มีขนาดยาว 4 มม.รวม 90 ชิ้น นำชิ้นตัวอย่างทั้งหมดเข้าอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนหนึ่ง ที่อุณหภูมิ 4400 ซ. เป็นเวลา 15 นาทีเพื่อลดความเค้นที่มีอยู่ในลวดด้วยเตาเผาพอร์ชเลนสูญญากาศ หลังจากนั้นแบ่งชิ้นตัวอย่างเป็น 6 กลุ่ม ๆ ละ 15 ชิ้น กลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มควบคุม กลุ่มที่เหลือนำมาอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนที่สอง ที่อุณหภูมิ 400, 450, 500, 550 และ 6000 ซ เป็นเวลา 15 นาที ตามลำดับ ในเตาเผาพอร์ชเลนสูญญากาศเช่นเดียวกัน หาค่าอุณหภูมิของการ เปลี่ยนเฟสของด้วยเครื่องดิฟเฟอเรนเชี่ยล สแกนนิ่ง คาลอริมิเตอร์ |
สรุปผลการวิจัย | เมื่อใช้ค่าสถิติ ที เทสต์ ในการวิเคราะห์ข้อมูล
พบว่า อุณหภูมิที่เริ่มเปลี่ยนเฟสเป็นเฟสมาร์เทนไซต์และอุณหภูมิที่เริ่มเปลี่ยนเฟสออสเทไนท์ของกลุ่มที่ผ่าน การอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนที่สอง ที่อุณหภูมิ 4000 ซ. ไม่มีความแตกต่างทางสถิติจากกลุ่มควบคุมที่ ระดับนัยสำคัญ 0.05 ส่วนกลุ่มที่ผ่านการอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนที่สอง ที่อุณหภูมิ 450, 500, 550 และ 6000 ซ. พบว่ามีความแตกต่างทางสถิติจากกลุ่มควบคุมที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ในขณะที่อุณหภูมิที่การเปลี่ยนเฟส เป็นเฟสมาร์เทนไซต์สิ้นสุดและอุณหภูมิที่การเปลี่ยนเฟสเป็นเฟสออสเทไนท์สิ้นสุด พบว่ากลุ่มที่ผ่านการอบชุบ ด้วยความร้อนขั้นตอนที่สองทุกกลุ่มมีความแตกต่างทางสถิติจากกลุ่มควบคุมที่ระดับนัยสำคัญ0.05 ส่วนการศึกษาความสัมพันธ์ของอุณหภูมิการอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนที่สองกับอุณหภูมิของการเปลี่ยนเฟส ของลวดโลหะนิเกิลไทเทเนียมหลังจากอบชุบด้วยความร้อนด้วยค่าสถิติ เพียร์สัน โพรดักต์โมเมนต์ พบว่าอุณหภูมิของการเปลี่ยนเฟสของลวดโลหะนิกเกิลไทเทเนียมหลังจาก การอบชุบด้วยความร้อนทุกค่า มีความสัมพันธ์อย่างมากในทางบวกกับอุณหภูมิการอบชุบด้วยความร้อนขั้นตอนที่สอง ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 |