หัวข้อวิทยานิพนธ์ ผลของการเตรียมผิวเคลือบฟันต่อกำลังแรงยึดชนิด เฉือน/ปอก
ของกลาสไอโอโนเมอร์ซีเมนต์ชนิดบ่มด้วย แสงสำหรับยึดแบรกเกต
ชื่อนิสิต นายธัชพันธุ์ พูลทวีเกียรติ์
อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ รักพร เหล่าสุทธิวงษ์
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม อาจารย์ ทันตแพทย์ ดร. ชลธชา ห้านิรัติศัย
ภาควิชา ทันตกรรมจัดฟัน
ปีการศึกษา 2538
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ ์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยกำลังแรงยึดชนิดเฉือน/ปอกเมื่อยึดแบรกเกตด้วย
กลาสไอโอโนเมอร์ชนิดบ่มด้วยแสงโดยใช้วิธีเตรียมผิวเคลือบฟันที่ต่างกัน
วิธีดำเนินงานวิจัย ทำการทดลองโดยใช้ฟันกรามน้อยซึ่งถูกถอนจากผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน
จำนวน 120 ซี่ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 30 ซี่ กลุ่มที่ 1 ใช้คอมโพสิตเรซินเป็นวัสดุยึดติด
กลุ่มที่ 2 และ 4 ใช้กลาสดอโอโนเมอร์ชนิดบ่มด้วยแสงเป็นวัสดุยึดติด โดยกลุ่มที่ 2 ไม่เตรียมผิวเคลือบฟัน กลุ่มที่ 3 เตรียมผิวเคลือบฟันโดยใช้กรดฟอสฟอริก กลุ่มที่ 4 เตรียมผิวเคลือบฟันโดยใช้กรดฟอสฟอริกและทาด้วยบอนดิงเรซิน ชิ้นงานตัวอย่างถูกเก็บในน้ำกลั่นอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส 24 ชั่วโมง ก่อนนำไปผ่านเครื่องเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเป็นวงจรระหว่าง 5-55 องศาเซลเซียส 500 รอบ จากนั้นนำไปทดสอบกำลังแรงยึดชนิดเฉือน/ปอกด้วยเครื่องยูนิเวอร์แซลเทสดิงแมชีน ความเร็วของการดึง 0.5 มิลลิเมตร/วินาที การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยกำลังแรงยึดชนิดเฉือน/ปอก
ทำโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการทดสอบเชฟเฟ่ท์
ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
สรุปผลการวิจัย สรุปว่าค่าเฉลี่ยกำลังแรงยึดชนิดเฉือน/ปอกในกลุ่มที่ 1 (16.29 +- 2.23) เมกกะาสคาล) มีค่ามากกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ ค่าเฉลี่ยกำลังแรงยึดชนิดเฉือน/ปอกในกลุ่มที่ 2 (5.88 +-2.46 เมกกะปาสคาส) มีค่าน้อยที่สุด ค่าเฉลี่ยกำลังแรงยึดชนิดเฉือน/ปอกในกลุ่มที่ 3 (13.41 +-1.64 เมกกะปาสคาล) และกลุ่มที่ 4 (13.70 +-2.19 เมกกะปาสคาล) มีค่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ความล้มเหลวของการยึดติดในกลุ่มที่ 1 เกิดภายในเนื้อของวัสดุยึดติดและการยึดติดระหว่างวัสดุยึดติดกับผิวเคลือบฟัน กลุ่มที่ 2 เกิดที่การยึดติดระหว่างวัสดุยึดติดกับผิวเคลือบฟัน ส่วนกลุ่มที่ 3 และ 4 เกิดภายในเนื้อของวัสดุยีดติด